วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้า

ปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้า


จากการศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างผู้วิจัยได้ทำการศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างตามทฤษฎีของหลักในการบริหารงานก่อสร้างหรือ5M สามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
2.3.1 มนุษย์ (Man)งานก่อสร้างเป็นงานที่ต้องอาศัยกำลังคนในการทำงานเป็นส่วนใหญ่และกำลังคนที่ใช้ในแต่ละโครงการต้องใช้จำนวนมากซึ่งประกอบด้วยผู้ที่มีความรู้ความสามารถในหลาย
ระดับซึ่งอาจแบ่งได้ 4 ระดับ ดังนี้
ก) ระดับวางแผนและนโยบาย (Profession) ได้แก่ ระดับผู้บริหารโครงการ
ข) ระดับช่างเทคนิค (Technician) ได้แก่ ระดับควบคุมงาน
ค) ระดับช่างฝีมือ (Skilled Labour) ได้แก่ ระดับปฏิบัติงานโดยใช้แรงงงานอย่างเดียว
ง) ระดับแรงงาน (Labour) ได้แก่ ระดับปฏิบัติงานโดยใช้แรงงานอย่างเดียว
บุคคลที่กล่าวมานี้จำ เป็นที่จะต้องมีปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมกับงานและเป็นบุคคลที่
มีประสิทธิภาพสมรรถภาพมีวินัยและที่สำคัญจะเป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบในการทำงานหากบุคลากรที่มีอยู่ขาดคุณสมบัติข้างต้นแล้วนั้นย่อมทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงการนั้นๆ ได้อีกทั้งยัง
ทำให้สิ้นเปลืองซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการดำเนินโครงการได้
2.3.2 วัสดุและอุปกรณ์ (Material) เป็นปัจจัยหลักอีกส่วนหนึ่งของงานก่อสร้างหากโครงการก่อสร้างใดขาดวัสดุและอุปกรณ์ในขณะดำเนินการอยู่นั้นย่อมเกิดผลเสียหายต่อโครงการได้เช่นการจัดส่งวัสดุเครื่องมือที่ล่าช้าทำให้แผนการทำงานที่ตั้งไว้เกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเพื่อที่จะเร่งรัดงานให้ได้ตามแผนงาน
2.3.3 เงินทุน (Money) หมายถึง เงินสด (Cash) เงินผ่อนหรือเงินกู้ (Credit) เงินทุนเป็นปัจจัยสนับสนุนในการบริหารงานก่อสร้างที่สำคัญที่สุดเนื่องจากหากขาดทุนแล้วก็จะทำให้ปัจจัยตัวอื่นๆ ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยเช่นกันดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องจัดการสถานะทางการเงินให้มั่นคงเพียงพอที่จะหมุนเวียนให้เกิดสภาพคล่องมิฉะนั้นจะทำให้งานก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง
2.3.4 เครื่องจักรในงานก่อสร้าง (Machine) หมายถึง เครื่องจักรหรือเครื่องทุ่นแรงที่นำมาใช้ใน
งานก่อสร้างเพื่อตอบสนองการพัฒนาทางเทคโนโลยีเนื่องจากงานก่อสร้างบางโครงการหากมีเครื่องทุ่นแรงไม่เพียงพอ หรือมีแต่ขาดประสิทธิภาพในการทำงานก็จะทำให้ไม่สามารถทำงานได้หรือหากทำได้ก็ทำได้ล่าช้าเช่น งานก่อสร้างสะพานงานสร้างเขื่อนงานสร้างอุโมงค์และงานก่อสร้างอาคารสูงซึ่งในปัจจุบันก่อสร้างอาคารมักนิยมที่จะก่อสร้างเป็นอาคารสูงหลายสิบชั้นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือเงินที่สนับสนุนโครงการจากแหล่งเงินทุนที่ผู้รับเหมากู้มาจะเป็นตัวบังคับให้งานก่อสร้างต้องเร่งรัดให้เสร็จภายในเวลาอันสั้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่กู้มีอัตราที่สูงขึ้นหากเกิดความล่าช้าเพราะฉะนั้นการทำงานโดยใช้แรงงานเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอและไม่รวมเร็วที่จะทำให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้และที่สำคัญคือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นตัวหนึ่งที่ทำ ให้ผู้รับเหมาตัดสินใจจะลงทุนที่จะใช้เครื่องทุ่นแรง
2.3.5 ขั้นตอนวิธีการก่อสร้าง (Management) หมายถึง ขั้นตอนวิธีการและเทคนิคในการก่อสร้างโครงการก่อสร้างต่างๆ ย่อมต้องมีเทคนิค หรือขั้นตอนในการวางแผนงานในการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างประเภทใดก็ตามขั้นตอนเทคนิคและวิธีการก่อสร้างนั้นมักจะสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวเนื่องกับหลักในการบริหารงานก่อสร้างทุกข้อที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเสมอ
2.4 สาเหตุความล่าช้าที่เกิดขึ้นในงานก่อสร้าง
สาเหตุของความล่าช้าในงานก่อสร้างเป็นไปได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมีผลกระทบต่อระยะเวลาของงานก่อสร้างจากการศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่าสามารถแบ่งสาเหตุของความล่าช้า ได้เป็น 4 หัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
2.4.1 ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากผู้รับเหมาก่อสร้าง
ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากผู้รับเหมาก่อสร้างมักเกิดจากปัจจัยด้านการบริหารจัดการงานก่อสร้างหรือหลัก 5M ได้แก่ วัสดุ (Materials) เงินทุน (Money) กำลังคน (Man) เครื่องจักรกล(Machine) และการจัดการ (Management) ซึ่งปัจจัยทั้ง 5 มีความสัมพันธ์กันหากการบริหารจัดการส่วนใดส่วนหนึ่งล้มเหลวจะส่งผละกระทบไปยังส่วนอื่นๆ สาเหตุความล่าช้าที่เกิดจากการบริหารงานก่อสร้างข้างต้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ก)      วัสดุก่อสร้างขาดแคลนการขาดแคลนของวัสดุก่อสร้างอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่น การกักตุนวัสดุก่อสร้างเพื่อหวังผลในการเก็งกำไรปัญหาด้านการบริหารวัสดุได้แก่ การจัดซื้อจัดส่งวัสดุเข้าสู่โครงการไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ทำให้เกิดการขาดแคลนวัสดุในโครงการ
ข)   การใช้วัสดุสิ้นเปลืองเกินปกติในงานก่อสร้างที่ใช้วิธีการก่อสร้างแบบทั่วไปจะมีวัสดุที่
สูญเสียถึง 1 ใน 3 ของวัสดุทั้งหมด เช่น เศษเหล็กเสริมคอนกรีตที่เหลือจากงานก่อสร้างสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กเส้นได้ใหม่นั้นแสดงว่าเศษเหล็กที่ได้จากวัสดุที่สูญเสียมีมากพอสมควรจะเห็นได้ว่าการใช้วัสดุให้เหลือเศษหรือวัสดุมีการแตกหักเสียมากส่งผลให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นและหากมีการสิ้นเปลืองเกินกว่างบประมาณที่วางไว้ อาจกระทบต่อโครงการทำให้งานหยุดชะงักเพราะไม่มีวัสดุเพียงพอในการทำงานหรืออาจต้องหาเงินทุนเพื่อซื้อวัสดุเพิ่มเติมในส่วนที่เสียหายความบกพร่องในการบริหารวัสดุสามารถตรวจด้วยบัญชีแสดงปริมาณวัสดุก่อสร้าง หากพบว่ามีการใช้วัสดุก่อสร้างเกินกว่าปริมาณที่แสดงไว้ในบัญชีแสดงปริมาณวัสดุแสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือเป็นสัญญาณที่แสดงว่าโครงการกำลังอยู่ในภาวะขาดทุนได้
ค)       การบริหารงานของผู้รับเหมาย่อยไม่มีระบบโดยทั่วไปผู้รับเหมาย่อยหรือผู้รับเหมาช่วงจะเข้า มารับทำงานในโครงการบางส่วนเช่นงานระบบไฟฟ้าระบบสุขาภิบาลงานสถาปัตยกรรมเป็นต้นซึ่งผู้รับเหมาช่วงส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา หรือหากเป็นนิติบุคคลก็อาจมีการบริหารงานภายในองค์กรที่ยังไม่มีระบบที่ชัดเจนแน่นอนจึงง่ายต่อการเกิดปัญหาในการควบคุมงบประมาณด้านการเงินซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังคนงาน กล่าวคือ คนงานอาจไม่ได้รับค่าแรงอย่างสม่ำเสมออาจมีการลาออกและรับคนใหม่เข้ามาทดแทนทำให้ต้องเรียนรู้งานตลอดเวลาส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้าแก่งานก่อสร้างได้
ง)      การขาดแคลนบุคลากรงานก่อสร้างสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ คือ
1. การขาดแคลนคนงานเนื่องจากในประเทศไทยคนงานก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ใช่คนงานก่อสร้างโดยอาชีพจะใช้การทำงานก่อสร้างเป็นอาชีพเสริม คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำการเกษตรคนงานจะกลับไปทำการเกษตรถ้าโครงการก่อสร้างอยู่ในช่วงนั้นอาจทำให้มีผลกระทบต่อระยะเวลาแล้วเสร็จของโครงการ
2. การขาดแคลนวิศวกรและช่างเทคนิคทำให้อาจต้องมีการว่าจ้างวิศวกรจากต่างประเทศเข้ามาทำงานปัญหาที่พบ คือ การติดต่อสื่อสารระหว่างวิศวกรต่างชาติกับคนงานไม่เข้าใจกันทำให้เกิดความสับสนในการทำงานขึ้นได้
3. เงินทุนเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจก่อสร้างเกิดปัญหามากที่สุด ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานได้ตามแผนงานหรือไม่สามารถส่งงานได้ตามที่วางแผนไว้เงินงวดที่ได้รับก็อาจจะไม่พอเพียงที่จะหมุนเวียนเพื่อให้งานสามารถดำเนินได้ต่อไป หรืออาจจะไม่ได้รับเงินงวดถัดไปก็จะมีปัญหาทำให้งานล่าช้าหรือหยุดชะงักลงได้ซึ่งส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในที่สุดก็อาจมีการยกเลิกสัญญาทำให้มีผลกระทบต่อการแล้วเสร็จโครงการที่งานก่อสร้างจะต้องล่าช้าได้
4. วิธีการก่อสร้างเทคนิควิธีที่นำมาใช้เพื่อทำการก่อสร้างนั้นมีมากมายหลายวิธีบางวิธีให้ผลดีต่อสภาวการณ์อย่างหนึ่งแต่วิธีการบางอย่างอาจไม่เหมาะสมกับอีกสภาวการณ์หนึ่งหรืออีกโครงการหนึ่งเจ้าของโครงการหรือตัวแทนเจ้าของโครงการจึงควรที่จะได้ทำการตกลงเรื่องวิธีการก่อสร้างที่สำคัญๆและเขียนไว้ในสัญญาด้วยเพื่อป้องกันปัญหาที่ผู้รับเหมาจะเลือกใช้วิธีการที่ตนเองเห็นว่าถูกที่สุด และไม่ต้องลงทุนมากดังนั้นการเลือกวิธีการก่อสร้างที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อโครงการอย่างมาก
2.4.2 ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากเจ้าของงาน
เจ้าของโครงการเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงสุดในโครงการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นผู้จ่ายเงินค่าตอบแทนหรือค่าจ้างในการดำเนินงานก่อสร้างและเป็นบุคคลที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้าง ดังนั้น ผลกระทบจากเจ้าของโครงการจะมีผลต่อระยะเวลาของโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากเจ้าของงานที่ส่งผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ก)    การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์หรือรายละเอียดของโครงการมักจะพบเสมอๆ ทุกช่วงของโครงการตั้งแต่เริ่มโครงการจนกระทั่งโครงการเสร็จสิ้นถ้าการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของโครงการในช่วงเริ่มโครงการ เช่น ในช่วงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการหรือช่วงออกแบบความเสียหายจะเกิดขึ้นไม่มากนักแต่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในขณะก่อสร้างความเสียหายก็จะเริ่มมากยิ่งขึ้นเช่นยกเลิกเสาเข็มที่ทำไปแล้วบ้างส่วนนี้จะทำให้ต้องเสียเวลาแก้ไขแบบรายละเอียด เป็นต้น การป้องกันมิให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากแต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงแบบรายละเอียดโครงการนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจหาทางป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้ เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงชนิดนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงความต้องการในลักษณะหรือรูปร่างของเจ้าของหรือผู้ใช้อาคารเป็นส่วนใหญ่
ข) การทำงานของผู้รับเหมาในการก่อสร้างขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความชำนาญ  เฉพาะด้านเข้ามาทางานผู้ว่าจ้างอาจต้องมีการจ้างผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาช่วงเข้ามาดำเนินงานการประสานงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ อาจทำให้เกิดความสับสนและมีผลต่อระยะเวลาก่อสร้าง ซึ่งจะนำไปสู่ความล่าช้าได้เพื่อให้ทุกส่วนดำเนินไปได้ด้วยดีจึงจำ เป็นต้องมีการประสานงานที่ดีอาจต้องมีการแต่งตั้งผู้ประสานงานเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้เช่นผู้บริหารงานก่อสร้างหรือตัวแทนเจ้าของโครงการ เป็นต้น
ค) ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนทางด้านการเงินกล่าวคือ ในโครงการก่อสร้างการวางแผนทางการเงินเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายต้องเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจแต่หากผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างวางแผนการใช้เงินผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผนที่วางแผนไว้ก็จะทำให้ขาดสภาพคล่องทางด้านเงินหมุนเวียนในการดำเนินการก่อสร้าง และหากผู้ว่าจ้างมีความมั่นคงทางการเงินสูงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาทางด้านการเงินก็จะตกไปอยู่ที่องค์กรของผู้รับจ้างเช่นทำงานไม่ได้ผลตามแผนการใช้เงินของโครงการทำให้ได้รับเงินน้อยกว่าแผนงานที่วางไว้แต่ถ้าหากผู้ว่าจ้างมีสภาพคล่องตัวทางการเงินไม่ดีนักก็จะทำให้มีปัญหาทางด้านการเงินซึ่งก็ตกอยู่ที่ผู้รับจ้างอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้รับจ้างอ้างหยุดงานได้ เพราะต้องรอการชำระเงินงวดงานที่ผ่านมาเสียก่อน หรือขาดแคลนวัสดุก่อสร้างได้เนื่องจากยังไม่ได้ชำระเงิน เป็นต้น
2.4.3 ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากผู้ออกแบบและผู้ควบคุมงาน
ปัจจุบันมักเรียกผู้ควบคุมงานในโครงการก่อสร้างว่าวิศวกรที่ปรึกษา (Consultant) นั้นอาจจะมีความคลาดเคลื่อนหรือแตกต่างตามขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งนี้มีคำหลายคำที่ใช้อยู่ในโครงการก่อสร้าง ได้แก่ ผู้ควบคุมงาน (Inspector) วิศวกรที่ปรึกษา (Consultant) และผู้บริหารงานก่อสร้าง (Construction Management) ซึ่งหน้าที่ของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไปโดยสาเหตุที่เป็นปัญหาที่เกิดจากกลุ่มองค์กรนี้ ได้แก่
ก)      ขอบเขตของงานไม่ชัดเจนผู้ควบคุมงานนั้นอาจมีหน้าที่หรือขอบเขตของงานแตกต่างกันไปหลายอย่าง เช่น ทำหน้าที่เฉพาะควบคุมงานหรือทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานก่อสร้างซึ่งขอบเขตของงานในการควบคุมงานควรทำความตกลงกับเจ้าของโครงการซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง เพราะหากว่าจ้างกันเพียงทำหน้าที่เพียงควบคุมงานเพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบรายละเอียดที่ปรากฏตามสัญญาเท่านั้นคงไม่มีปัญหาเพราะขอบเขตมีเพียงอย่างเดียวและชัดเจนแต่หากว่าทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานก่อสร้างควรตกลงขอบเขตกันให้ชัดเจน เช่น เจ้าของโครงการจะซื้อวัสดุก่อสร้างเองและจะจ้างเฉพาะค่าแรงหรือไม่หากเจ้าของซื้อวัสดุเองผู้บริหารงานก่อสร้างจะทำหน้าที่อะไรบ้างในการบริหารวัสดุเหล่านี้ เช่น คำนวณปริมาณเพื่อการสั่งซื้อเป็นต้นจะเห็นได้ว่าในโครงการก่อสร้างจะมีปัญหาหรือความซับซ้อนของงานมากและค่อนข้างยุ่งยากในการปฏิบัติงานซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนไม่เข้าใจกันได้ง่ายดังนั้นเพื่อให้โครงการประสบผลสำเร็จในทุกด้านควรเลือกผู้บริหารงานก่อสร้าง (Construction Management) ที่มีประสบการณ์รวมถึงการกำหนดขอบเขตของการควบคุมโครงการก่อสร้างให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเพื่อที่จะทำให้โครงการนั้นมีปัญหาน้อยลงและสามารถสำเร็จลุล่วงในเวลาที่กำหนดได้
ข)      ระเบียบวิธีปฏิบัติสับสนไม่รัดกุมความขัดแย้งในโครงการก่อสร้างนั้นจะเป็นความขัดแย้งระหว่างผู้ควบคุมงานกับผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งจะเป็นผลเสียที่ทำให้เกิดความล่าช้าของงานก่อสร้างโดยเป็นผลมาจากวิธีปฏิบัติที่ไม่รัดกุม เช่น การตรวจรับรองการจ่ายเงินงวดซึ่งควรมีการตกลงกันให้ชัดเจนว่าวิธีการวัดปริมาณงานจะวัดอย่างไรกำหนดเวลาสำหรับการตรวจสอบปริมาณงานและการเซ็นรับรองการจ่ายเงินงวดใช้เวลาเท่าใดเป็นต้นดังนั้นจึงควรทำการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเพราะหากวิธีการปฏิบัติการไม่รัดกุมจะทำให้เกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงหากผู้รับเหมาไม่ได้รับเงินในเวลาที่เหมาะสมเพราะสาเหตุดังกล่าวอาจเกิดความล่าช้าขึ้นได้
ค)      ผู้ควบคุมงานขาดประสบการณ์ผู้ควบคุมงานหรือผู้บริหารงานก่อสร้างควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้มองเห็นภาพรวมของงานได้ครอบคลุมทุกๆด้านและวางแผนตัดสินใจเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรัดกุม ส่วนใหญ่บริษัทต่างๆ มักมีปัญหาเรื่องเงินค่าจ้างที่จะจ้างบุคลากรมาควบคุมงานทำให้มีบุคลากรไม่เพียงพอต่อการควบคุมงานหรืออาจมีผู้ควบคุมงานที่มีประสบการณ์น้อยหรือยังไม่รู้รายละเอียดของงานในสาขาวิชาชีพอย่างชัดเจนทำให้วางแผนงานผิดพลาดประสานงานได้ไม่เต็มที่หรือไม่กล้าตัดสินใจด้วยเหตุดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างได้เช่นกัน
ง)       การออกแบบที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนสาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นเสมอหากผู้ออกแบบได้รับข้อมูลมาอย่างผิดพลาดเช่นการวางผังอาคาร โดยไม่มีการทำรังวัดที่ดินอาจก่อให้เกิดปัญหารุกล้ำ อาคารข้างเคียงหรือรายงานผลการสำรวจชั้นดินกับสภาพหน้างานไม่ตรงกันอาจต้องทำการเจาะสำรวจชั้นดินใหม่รวมถึงอาจต้องแก้ไขงานเสาเข็มและฐานราก เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการออกแบบที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอาจต้องมีการแก้ไขงาน และเกิดการหยุดชะงักของงานก่อสร้างส่งผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างได้
จ)      การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบซึ่งในปัจจุบันมักพบเสมอๆ ว่าผู้ออกแบบจะทำการออกแบบคร่าวๆ ก่อนเพื่อที่จะได้ยื่นขออนุญาตจากทางราชการก่อนและเมื่อถึงเวลาที่จะเริ่มการก่อสร้างจริงจะทำการแก้ไขปรับปรุง และเพิ่มเติมรายละเอียดอีกครั้งจากลักษณะดังกล่าว อาจเกิดการขัดแย้งของแบบเพื่อการก่อสร้างได้ส่งผลกระทบทั้งเวลาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉ)     ขาดความพิถีพิถันในส่วนของรายละเอียดจากการที่มีโครงการก่อสร้างอาคารเกิดขึ้นมากทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการเหล่านั้นล้วนได้รับงานมาอย่างมากตามไปด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นก็ คือ บุคลากรขององค์กรต่างๆ มีอยู่ไม่เพียงพอกับปริมาณงานที่รับไว้บางโครงการแบบที่ออกมาเพื่อก่อสร้างยังขาดส่วนของรายละเอียดอยู่มากเพราะเกิดจากการออกแบบที่เร่งรีบเกินไปหรืออาจเกิดจากการไม่มีประสบการณ์ในงานก่อสร้างของผู้ออกแบบเองทำให้นึกภาพรวมของขั้นตอนการดำเนินงานก่อสร้างได้ไม่ชัดเจนหรือมีความละเลยต่อรายละเอียดต่างๆ เหล่านั้น และเมื่อรายละเอียดต่างๆ ขาดหายไปงานบางอย่างที่ต่อเนื่องกับงานเหล่านั้นก็จะออกแบบผิดพลาดไปด้วย และอาจเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างกันขึ้นได้
ช)     ออกแบบเผื่อหรือซ้ำซ้อนมากเกินความจำเป็น (Redundant Design) ในการวางแผนงานก่อสร้างปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญคือต้องทราบปริมาณงานที่จะทำว่ามีมากน้อยเพียงใดหากปริมาณงานมีมากย่อมเป็นที่แน่นอนว่าระยะเวลาหรือการใช้ทรัพยากรก็มากตามไปด้วยเช่นกันดังนั้นหากผู้ออกแบบใช้ Parameter หรือวิธีการคิดคำนวณออกแบบที่เป็นวิทยาการสมัยใหม่ในการออกแบบแล้วอาจกล่าวได้ว่าจะสามารถใช้ปริมาณทรัพยากรในการก่อสร้างได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุดอย่างแน่นอน

ประเภทของความล่าช้า

ประเภทของความล่าช้าในงาสนก่อสร้าง2.2  ประเภทของความล่าช้า


ความล่าช้าที่เกิดขึ้นในโครงการก่อสร้างแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ความล่าช้าประเภทต้องชดเชย (Compensable Delay) ความล่าช้าประเภทยอมรับได้ (Excusable Delay) และความล่าช้าประเภทยอมรับไม่ได้ (Nonexcusable Delay) (Scott, 1997) ซึ่งอธิบายได้ดังนี้
2.2.1. ความล่าช้าประเภทต้องชดเชย (Compensable Delay) เป็นความล่าช้าที่เกิดจากความผิดของเจ้าของงาน เช่น เจ้าของงานมีคำสั่งให้หยุดงาน เจ้าของงานทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรือข้อกำหนด ความล่าช้าในการอนุมัติผลทดสอบ เป็นต้น ซึ่งเจ้าของงานต้องขยายเวลาในการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมา และต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นสาเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของงาน ซึ่ง Fisk (1997) ได้สรุปสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความล่าช้าของโครงการเนื่องจากการทำงานของเจ้าของงานไว้ดังนี้
- การอนุมัติแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง (Shop Drawing) ล่าช้า
- การอนุมัติผลการทดสอบวัสดุที่นามาใช้ในการก่อสร้างล่าช้า
- ความล่าช้าของเจ้าของงานในการตอบคำถามจากผู้รับเหมา
- การสั่งเปลี่ยนวิธีการทำงาน
- การแทรกแซงการทำงานของผู้รับเหมา
- การประมาณปริมาณงานผิดพลาด
- การออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดกำหนดการ
- การออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง
- การออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการตรวจงาน
- ความล้มเหลวในการครอบครองกรรมสิทธิ์พื้นที่ก่อสร้าง
- ความล้มเหลวในการใช้สิทธิ์บนเส้นทางการเข้าสู่พื้นที่ก่อสร้าง
- การแทรกแซงการทำงานของผู้รับเหมาโดยผู้รับเหมาเจ้าอื่น
- การแทรกแซงการทำงานของผู้รับเหมาโดยเจ้าของงานรายอื่น
- การขาดความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน
- การมีสายงานการบังคับบัญชาหลายขั้นตอนซึ่งมีผลให้การทางานล่าช้า
- ความล่าช้าในการดำเนินการออกคาสั่งเปลี่ยนแปลงงาน
- การดำเนินการขออนุญาตต่อหน่วยราชการล่าช้า
- ความล่าช้าในการอนุมัติหมายกำหนดการ
- การจ่ายเงินงวดไม่เป็นไปตามกำหนด
- ตัวสัญญาระบุรายละเอียดหมายกำหนดการไม่เพียงพอ
- หมายกำหนดการที่ระบุในสัญญาไม่สอดคล้องกับขั้นตอนของการทำงาน
- รายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้างขัดแย้งกันเอง
- สัญญาระบุขอบเขตความรับผิดชอบไม่ชัดเจน
สาเหตุความล่าช้าต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ผู้รับเหมาสามารถนำมาใช้ในการเรียกร้องให้เจ้าของงานจ่ายชดเชยสาหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือขอขยายเวลาการก่อสร้างได้ เนื่องจากเป็นความผิดที่เกิดจากเจ้าของงาน แต่เจ้าของงานอาจป้องกันความรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากสาเหตุความล่าช้าประเภทนี้ได้ในบางกรณี ดังที่ Leishman (1991) ได้เสนอวิธีป้องกันเจ้าของงาน จากการเรียกชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากปัญหาความล่าช้าบางสาเหตุ โดยเสนอให้เจ้าของงานเพิ่มข้ออนุสัญญา No Damage for Delay Clause (NDC) ซึ่งเจ้าของงานต้องระบุข้อตกลงในสัญญาอย่างชัดเจนว่า “ผู้รับเหมาสัญญาจะไม่เรียกชดเชยสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากสาเหตุของความล่าช้าต่าง ๆ ” โดยระบุสาเหตุของความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในโครงการไว้ เช่น ความล่าช้าที่เกิดจากคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน ความล่าช้าที่มีสาเหตุจากเจ้าของงานเปลี่ยนแผนงานการทำงาน ความล่าช้าที่เกิดจากความบกพร่องของเอกสารสัญญา ความล่าช้าที่ในการครอบครองกรรมสิทธิ์พื้นที่ก่อสร้างหรือทางเข้าโครงการ ความล่าช้าในการอนุมัติแผนงานหรือการตอบหนังสือให้กับผู้รับเหมา ความล่าช้าที่เกิดจากความขัดแย้งของแบบก่อสร้าง ความล่าช้าที่เกิดจากการออกแบบผิดพลาด เป็นต้น ไว้ในสัญญา ซึ่งการใช้สัญญาในลักษณะนี้เป็นการผลักภาระความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสาเหตุความล่าช้าต่าง ๆ ให้กับผู้รับเหมา ซึ่งหากผู้รับเหมายินยอมทำข้อตกลงดังกล่าว ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจะถูกจัดให้เป็นความล่าช้าประเภทยอมรับได้ทันที
2.2.2. ความล่าช้าประเภทยอมรับได้ (Excusable Delay) เป็นความล่าช้าที่ไม่ได้เกิดจากความผิดของทั้งเจ้าของงานและผู้รับเหมา หรือสาเหตุของความล่าช้าที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย เช่น ความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศ การประท้วงหยุดงาน การค้นพบซากอารยธรรมโบราณในพื้นที่ก่อสร้างเป็นต้น ซึ่งเจ้าของงานอาจขยายเวลาในการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมา แต่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายจากปัญหาที่เกิดขึ้น   เป็นสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของเจ้าของงานหรือผู้รับเหมาซึ่ง Fisk (1997) และ Leishman (1991) ได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทาให้เกิดความล่าช้าประเภทยอมรับได้ไว้ดังนี้
- ปัญหาที่เกิดจากสภาพของดินที่ไม่ดี
- ปัญหาที่เกิดจากความบกพร่องของข้อกำหนด หรือเอกสารสัญญา
- ปัญหาจากสภาพหน้างานเกิดการเปลี่ยนแปลง
- การค้นพบโบราณวัตถุ หรือแหล่งอารยธรรมโบราณ หรือการค้นพบซากมนุษย์โบราณในพื้นที่ก่อสร้าง
- ปัญหาจากงานก่อสร้างสาธารณูปโภคใต้ดินเดิม
- ปัญหาที่เกิดจากการค้นพบสารพิษ หรือวัสดุอันตรายในเขตพื้นที่ก่อสร้าง
- ปัญหาที่เกิดจากภาวะ การหยุดงาน
- ปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศ
สาเหตุของความล่าช้าต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากทั้งผู้รับเหมาและเจ้าของงาน ซึ่งผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถนำสาเหตุความล่าช้าประเภทนี้ มาใช้ในการเรียกร้องให้เจ้าของงานขยายเวลาการก่อสร้างได้
 2.2.3. ความล่าช้าประเภทยอมรับไม่ได้ (Nonexcusable Delay) เป็นความล่าช้าที่เกิดจากความผิดของผู้รับเหมา เช่น สิ่งปลูกสร้างไม่เป็นไปตามแบบและข้อกำหนด ความล่าช้าในการปฏิบัติงาน ความล่าช้าเนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของผู้รับเหมา เป็นต้น ซึ่งเจ้าของงานไม่จำเป็นต้องขยายเวลาในการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมา และไม่ต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าในประเภทนี้ เป็นสาเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของผู้รับเหมา ซึ่ง Fisk (1997) ได้สรุปสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความล่าช้าของโครงการเนื่องจากการทำงานของผู้รับเหมาไว้ดังนี้
- ความล่าช้าในการส่งแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง (Shop Drawing)
เพื่อขออนุมัติต่อเจ้าของงาน
- ความล่าช้าในการจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง
- การใช้บุคลากรที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมกับงาน
- ความบกพร่องในการประสานงานกับผู้รับเหมาย่อย
- ความล่าช้าที่เกิดจากการทำงานของผู้รับเหมาย่อย
- ความล่าช้าในการตอบหนังสือที่ส่งจากเจ้าของงาน
- สิ่งก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา ข้อกำหนดหรือแบบก่อสร้างระบุ
- ความละเลยต่อการปรับปรุงหมายกำหนดการการทำงาน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโครงการก่อสร้าง
- ขาดความร่วมมือในการประสานงานกับกลุ่มอื่น ที่ร่วมมือกันทำงานในโครงการ
- ความคลาดเคลื่อนของงาน ที่ไม่เป็นไปตามหมายกำหนดการ
- การไม่ปฏิบัติตามคำขอร้องจากเจ้าของงาน ที่ผู้รับเหมาได้ตอบตกลงตามคำขอร้อง
นั้นไปแล้วนอกจากนี้การทำงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้จัดการก่อสร้าง ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการและดูแลการก่อสร้าง ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานของผู้รับเหมาและมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินโครงการ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความล่าช้าของโครงการขึ้นได้ดังสาเหตุต่อไปนี้
- การขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการวางแผนการก่อสร้าง
- การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการก่อสร้างที่ไม่ตรงกับข้อกำหนด
- ความบกพร่องในการจัดเก็บข้อมูล
- ความบกพร่องในการประสานงานที่หน้าสนาม
- ความบกพร่องในการติดตามงานและปรับหมายกำหนดการ
- การจัดเก็บข้อมูลไม่เพียงพอ
- ความบกพร่องในการดำเนินการประชุมปรึกษางาน
สาเหตุความล่าช้าต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสาเหตุที่ผู้รับเหมาไม่สามารถนำมาใช้ในการเรียกร้องให้เจ้าของงานจ่ายชดเชยสาหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หรือขอขยายเวลาการก่อสร้างได้ เนื่องจากเป็นสาเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดในการทำงานของผู้รับเหมาเองสาเหตุของความล่าช้าประเภทต่าง ๆ
ดังที่ได้เสนอไว้ในข้างต้น สรุปได้ว่าทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันในการดำเนินโครงการ อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการก่อสร้างได้ทั้งสิ้น ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลที่นำมาใช้ในงานวิจัยนี้ มีหลายสาเหตุของการขอขยายเวลาการก่อสร้างอาคาร จัดอยู่ในสาเหตุของความล่าช้าประเภทต้องชดเชย ซึ่งเป็นสาเหตุของความล่าช้าที่เกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติงานของโครงการเอง เช่น ปัญหาการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ปัญหาการอนุมัติผลทดสอบล่าช้า เป็นต้น (วุฒิพงศ์  อ่อนศรีสมบัติ, 2556)

ความล่าช้าในงานก่อสร้าง

ความล่าช้าในงานก่อสร้างคือ


จากการศึกษาหาสาเหตุของความล่าช้าในงานก่อสร้าง ได้ให้คำจำ กัดความของความล่าช้าในงานก่อสร้าง (Definition of Construction Delays) หมายถึง ช่วงเวลาที่ขยายออกไปเนื่องจากมีงานก่อนหน้าที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จเนื่องจากเกิดสิ่งที่ไม่คาดหมายหรือเกิดปัญหาต่างๆขึ้น โดยความล่าช้าในงานก่อสร้างอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยเช่น เกิดจากตัวผู้รับเหมาเองหรือเกิดจากปัญหาภายนอกอื่นๆ ที่มากระทบกับงานก่อสร้าง โดยสาเหตุความล่าช้าในงานก่อสร้างที่เกิดขึ้นจากผู้รับเหมาก่อสร้างโดยทั่วไปมาจากหลักในการบริหารงานก่อสร้างหรือ 5M  ซึ่งได้แก่วัสดุ (Material),เงินทุน (Money), กำ ลังคน (Man), เครื่องจักร (Machine) และการจัดการ (Management) ซึ่งแต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันหากบริหารส่วนใดส่วนหนึ่งล้มเหลวก็จะส่งผลกระทบต่อส่วนอื่นๆ ไปด้วย (ภูชิต โพนทัน, 2555)

ปัญหาที่พบเจอได้บ่อยและทำให้งานก่อสร้างล่าช้า 1

ปัญหาที่ทำให้งานก่อสร้างล่าช้า ประเภทที่ผู้ว่าจ้างต้องชดเชยหรือขยายสัญญาให้ผู้รับเหมา

1) รายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้างขัดแย้งกันเอง
- กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากรายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้างขัดแย้งกันเองผู้ว่างจ้างโครงการจำเป็นขยายสัญญาให้แก่ผู้รับเหมาและร่วมประชุมเพื่อหาทางแก้ไขในกรณีที่แบบขัดแย้ง
- การชดเชยให้ผู้รับเหมาผู้รับเหมาต้องรอแบบที่จะใช้ก่อสร้าง หรือต้องทาการประเมินราคาเป็นงานเพิ่ม เพื่อให้ทางเจ้าของงาน หรือผู้ควบคุมงานและบริหารโครงการอนุมัติ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการดาเนินการจึงทาให้เกิดความล่าช้ากับโครงการได้
2) ความล่าช้าของเจ้าของงานในการตอบคำถามจากผู้รับเหมา
- กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากความล่าช้าของเจ้าของงานในการตอบคำถามจากผู้รับเหมาเนื่องจากเจอปัญหาหน้างานที่ผู้รับเหมาไม่สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้และต้องขอความเห็นจากผู้ว่าจ้างแต่ผู้ว่าจ้างไม่สะดวกตอบหรือไม่สะดวกมาดูหน้างานในเวลาที่กำหนดทำให้งานไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ผู้ว่าจ้างควรทำการขยายสัญญาให้แก่ผู้รับเหมา หรือ เพิ่มวงเงินชดเชยให้แก่ผู้รับเหมาในการเร่งระยะเวลาทำงานโดยเพิ่มโอทีให้กับแรงงาน
3) การจ่ายเงินงวดไม่เป็นไปตามกำหนด
- กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากการจ่ายเงินงวดไม่เป็นไปตามกำหนดทำให้ผู้รับเหมาไม่สามารถดำเนินการต่อได้เนื่องจากไม่มีเงินมาหมุนเวียนผู้ว่าจ้างจะต้องทำการตกลงกับผู้รับเหมาใหม่ในการจ่ายเงินงวดและประชุมเพื่อพูดคุยและหาแนวทางแก้ไข ทั้งนี้ผู้ว่าจ้างจำเป็นต้องขยายสัญญาการว่าจ้างออกไปเนื่องจากเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่สามารถทำตามสัญญาได้

4) การออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง
- กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากการออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้างเจ้าของงานต้องขยายเวลาในการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมา และต้องรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายสำหรับปัญหาที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าสาเหตุเกิดจากเจ้าของงาน หรือผู้ควบคุมงานและบริหารโครงการ ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง
- ผู้รับเหมาต้องรอแบบที่จะใช้ก่อสร้าง หรือต้องทำการประเมินราคาเป็นงานเพิ่ม เพื่อให้ทางเจ้าของงาน หรือผู้ควบคุมงานและบริหารโครงการอนุมัติ ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการจึงทำให้เกิดความล่าช้ากับโครงการได้
5) การอนุมัติแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง(Shop Drawing) ล่าช้า
- กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากการอนุมัติแบบที่ใช้ในการก่อสร้าง(Shop Drawing) แนวทางในการป้องกันคือผู้ว่าจ้างควรมีแบบที่ระเอียดตั้งแต่แรกส่งให้ผู้รับเหมา
-วิธีการแก้ไขคือขยายสัญญาโครงการออกไปเนื่องจากเป็นความผิดของผู้ว่าจ้างในการอนุมัติแบบล่าช้า

ปัญหาที่พบเจอได้บ่อยและทำให้งานก่อสร้างล่าช้า 2

ปัญหาที่ทำให้งานก่อสร้างล่าช้า ประเภทที่ผู้รับเหมาและผู้ว่าจ้างสามารถตกลงและขยายเวลาออกไปได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัยโดยมีแนวทางป้องกันและแก้ไข ดังนี้

1) ความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ

-กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากความผิดปกติของสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติความล่าช้าประเภทนี้ไม่สามารถป้องกันได้เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆได้ แต่มีวิธีแก้ไขคือ
                - ผู้ว่าจ้างทำการขยายสัญญาออกไปตามจำนวนวันที่เกิดสถานการณ์นั้นๆ
- ผู้รับเหมาร่วมประชุมและพูดคุยกับผู้ว่าจ้างกรณีงานก่อสร้างเสียหายหรือชำรุดเพื่อเจรจาหาแนวทางแก้ปัญหาหรือร่างสัญญาใหม่

 2) การกีดขวางของสิ่งปลูกสร้างต้นไม้หวงห้ามและระบบสาธารณูปโภคของหน่วยงานอื่นๆ

-กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากการกีดขวางของสิ่งปลูกสร้างต้นไม้หวงห้ามและระบบสาธารณูปโภคของหน่วยงานอื่นๆผู้ว่าจ้างควรทำการขยายสัญญาให้ผู้รับเหมาในกรณีที่พบสิ่งเหล่านั้นโดยบังเอิญหรือไม่มีการระบุเงื่อนไขการรื้อย้ายในสัญญา
-วิธีการป้องกันการสำรวจพื้นที่อย่างละเอียดก่อนเริ่มทำงานก่อสร้างและหาวิธีในการหลีกเลี่ยงเช่นเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้าง
- วิธีการแก้ไขคือในกรณีที่สามารถรื้อย้ายได้นั้น ให้ทำการรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นโดยไวที่สุดเพื่อเริ่มดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ หรือร่วมปรึกษาผู้ว่าจ้างโครงการในการเปลี่ยนแปลงแบบในการก่อสร้างเพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้

 3) ปัญหาทางการเมืองในท้องถิ่นหรือประเทศ

-กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากปัญหาทางการเมืองในท้องถิ่นหรือประเทศในการเกิดปัญหาเหล่านี้ผู้ว่าจ้างกับผู้รับเหมาสมควรทำแบบขยายสัญญาการก่อสร้างตามสมควรโดยเหตการณ์นี้ไม่สามารถคาดเดาการเกิดเหตุการณ์ได้เลยเพราะฉนั้นจริงไม่มีวิธีการป้องกัน
-วิธีการแก้ไขในกรณีมีปัญหาทางด้านการเมืองผู้ว่าจ้างควรทำการประชุมกับผู้รับเหมาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถดำเนินการสร้างต่อไปได้ผู้ว่าจ้างควรทำการขยายสัญญาให้แก่ผู้รับเหมา หรือหากกำหนดการต้องรีบใช้อาคารผู้ว่าจ้างจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินให้ผู้รับเหมาในการทำงานเพื่อเร่งงานให้เสร็จตามกำหนดเวลาเช่น การเพิ่มเวลาทำงานในเวลากลางคืน หรือ การเช่าและซื้อเครื่องจักรกลในงานก่อสร้างหรืออุปกรณ์ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการก่อสร้างมาช่วย
4) ปัญหาจากสภาพหน้างานพบหินแข็งกีดขวางทำให้ต้องมีการใช้เครื่องมือพิเศษในการทำงาน
กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากปัญหาจากสภาพหน้างานพบหินแข็งกีดขวางทำให้ต้องมีการใช้เครื่องมือพิเศษใน การทำงาน
- แนวทางในการป้องกัน ผู้รับเหมาควรสำรวจพื้นพี่หน้างานหรือสภาพหน้างานก่อนดำเนินการเซ็นสัญญาในการก่อสร้าง ในกรณีที่ผู้รับเหมาเป็นผู้รับเหมาขนาดเล็กโดยทั่วไปไม่ได้สำรวจชั้นดินก่อนจึงไม่ได้ทราบปัญหาผู้รับเหมาควรชี้แจงให้ผู้ว่าจ้างทราบถึงปัญหาในที่พบเจอและอาจทำให้เกิดความล่าช้า
-แนวทางในการแก้ไขปัญหาในกรณีที่พบเจอสิ่งกรีดขวางมากผู้รับเหมาควรทำการจ้างผู้รับเหมาช่วงที่มีประสบการณ์เฉพาะในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้แต่วิธีนี้อาจจะสิ้นเปลืองงบประมาณผู้รับเหมาควรทำการเจรจากับผู้ว่าจ้างโครงการถึงวิธีการแก้ปัญหานี้
-แนวทางการแก้ไขปัญหาแบบที่สองคือการเช่าหรือซื้อเครื่องมือพิเศษต่างๆมาดำเนินการจัดการกับสิ่งกีดขวางเหล่านั้นเอง วิธีนี้อาจจะประหยัดกว่าวิธีแรกแต่จะต้องเกิดความล่าช้าในงานเนื่องจากยังไม่ชำนาญการในการแก้ปัญหาเหล่านี้

5) ปัญหาจากสภาพพื้นที่ในการทางเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากแบบคู่สัญญา

- กรณีที่ความล่าช้าเกิดจากปัญหาจากสภาพพื้นที่ในการทางเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากแบบคู่สัญญากรณีนี้ผู้ว่าจ้างควรทำการขยายเวลาดำเนินการให้กับผู้รับเหมาโดยปัญหานี้ไม่มีแนวทางป้องกันที่แน่นอนเช่นฝนตกหนักมากทำให้ไม่สามารถดำเนินการตอกเสาเข็มหรือพื้นที่ข้างเคียงมีการดำเนินการก่อสร้างอย่างอื่นอยู่
- วิธีการแก้ไข ผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ ในกรณีที่งานสามารถเลื่อนระยะเวลาออกไปได้ผู้ว่าจ้างควรขยายสัญญาให้กับผู้รับเหมา ในกรณีที่จำเป็นต้องเร่งให้งานเสร็จตามเวลาทั้งสองต้องร่วมกันหาทางออกแบบเคส by เคส คือการแก้ปัญหาทีละส่วนที่พบเจอ