ปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้า
จากการศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างผู้วิจัยได้ทำการศึกษาปัจจัยที่ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างตามทฤษฎีของหลักในการบริหารงานก่อสร้างหรือ5M สามารถแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
2.3.1 มนุษย์ (Man)งานก่อสร้างเป็นงานที่ต้องอาศัยกำลังคนในการทำงานเป็นส่วนใหญ่และกำลังคนที่ใช้ในแต่ละโครงการต้องใช้จำนวนมากซึ่งประกอบด้วยผู้ที่มีความรู้ความสามารถในหลาย
ระดับซึ่งอาจแบ่งได้
4 ระดับ ดังนี้
ก)
ระดับวางแผนและนโยบาย (Profession) ได้แก่ ระดับผู้บริหารโครงการ
ข)
ระดับช่างเทคนิค (Technician) ได้แก่ ระดับควบคุมงาน
ค)
ระดับช่างฝีมือ (Skilled Labour) ได้แก่
ระดับปฏิบัติงานโดยใช้แรงงงานอย่างเดียว
ง)
ระดับแรงงาน (Labour) ได้แก่ ระดับปฏิบัติงานโดยใช้แรงงานอย่างเดียว
บุคคลที่กล่าวมานี้จำ
เป็นที่จะต้องมีปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมกับงานและเป็นบุคคลที่
มีประสิทธิภาพสมรรถภาพมีวินัยและที่สำคัญจะเป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบในการทำงานหากบุคลากรที่มีอยู่ขาดคุณสมบัติข้างต้นแล้วนั้นย่อมทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงการนั้นๆ
ได้อีกทั้งยัง
ทำให้สิ้นเปลืองซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการดำเนินโครงการได้
2.3.2
วัสดุและอุปกรณ์ (Material) เป็นปัจจัยหลักอีกส่วนหนึ่งของงานก่อสร้างหากโครงการก่อสร้างใดขาดวัสดุและอุปกรณ์ในขณะดำเนินการอยู่นั้นย่อมเกิดผลเสียหายต่อโครงการได้เช่นการจัดส่งวัสดุเครื่องมือที่ล่าช้าทำให้แผนการทำงานที่ตั้งไว้เกิดความเสียหาย
ส่งผลกระทบทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเพื่อที่จะเร่งรัดงานให้ได้ตามแผนงาน
2.3.3
เงินทุน (Money) หมายถึง เงินสด (Cash) เงินผ่อนหรือเงินกู้
(Credit) เงินทุนเป็นปัจจัยสนับสนุนในการบริหารงานก่อสร้างที่สำคัญที่สุดเนื่องจากหากขาดทุนแล้วก็จะทำให้ปัจจัยตัวอื่นๆ
ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ด้วยเช่นกันดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องจัดการสถานะทางการเงินให้มั่นคงเพียงพอที่จะหมุนเวียนให้เกิดสภาพคล่องมิฉะนั้นจะทำให้งานก่อสร้างต้องหยุดชะงักลง
2.3.4
เครื่องจักรในงานก่อสร้าง (Machine) หมายถึง
เครื่องจักรหรือเครื่องทุ่นแรงที่นำมาใช้ใน
งานก่อสร้างเพื่อตอบสนองการพัฒนาทางเทคโนโลยีเนื่องจากงานก่อสร้างบางโครงการหากมีเครื่องทุ่นแรงไม่เพียงพอ
หรือมีแต่ขาดประสิทธิภาพในการทำงานก็จะทำให้ไม่สามารถทำงานได้หรือหากทำได้ก็ทำได้ล่าช้าเช่น
งานก่อสร้างสะพานงานสร้างเขื่อนงานสร้างอุโมงค์และงานก่อสร้างอาคารสูงซึ่งในปัจจุบันก่อสร้างอาคารมักนิยมที่จะก่อสร้างเป็นอาคารสูงหลายสิบชั้นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือเงินที่สนับสนุนโครงการจากแหล่งเงินทุนที่ผู้รับเหมากู้มาจะเป็นตัวบังคับให้งานก่อสร้างต้องเร่งรัดให้เสร็จภายในเวลาอันสั้น
เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่กู้มีอัตราที่สูงขึ้นหากเกิดความล่าช้าเพราะฉะนั้นการทำงานโดยใช้แรงงานเพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอและไม่รวมเร็วที่จะทำให้งานบรรลุตามวัตถุประสงค์ได้และที่สำคัญคือ
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นตัวหนึ่งที่ทำ
ให้ผู้รับเหมาตัดสินใจจะลงทุนที่จะใช้เครื่องทุ่นแรง
2.3.5
ขั้นตอนวิธีการก่อสร้าง (Management) หมายถึง ขั้นตอนวิธีการและเทคนิคในการก่อสร้างโครงการก่อสร้างต่างๆ
ย่อมต้องมีเทคนิค
หรือขั้นตอนในการวางแผนงานในการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างประเภทใดก็ตามขั้นตอนเทคนิคและวิธีการก่อสร้างนั้นมักจะสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวเนื่องกับหลักในการบริหารงานก่อสร้างทุกข้อที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเสมอ
2.4 สาเหตุความล่าช้าที่เกิดขึ้นในงานก่อสร้าง
สาเหตุของความล่าช้าในงานก่อสร้างเป็นไปได้จากหลายสาเหตุ
ซึ่งมีผลกระทบต่อระยะเวลาของงานก่อสร้างจากการศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
พบว่าสามารถแบ่งสาเหตุของความล่าช้า ได้เป็น 4 หัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
2.4.1
ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากผู้รับเหมาก่อสร้าง
ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากผู้รับเหมาก่อสร้างมักเกิดจากปัจจัยด้านการบริหารจัดการงานก่อสร้างหรือหลัก
5M ได้แก่ วัสดุ (Materials) เงินทุน
(Money) กำลังคน (Man) เครื่องจักรกล(Machine)
และการจัดการ (Management) ซึ่งปัจจัยทั้ง 5
มีความสัมพันธ์กันหากการบริหารจัดการส่วนใดส่วนหนึ่งล้มเหลวจะส่งผละกระทบไปยังส่วนอื่นๆ
สาเหตุความล่าช้าที่เกิดจากการบริหารงานก่อสร้างข้างต้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ก)
วัสดุก่อสร้างขาดแคลนการขาดแคลนของวัสดุก่อสร้างอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่น
การกักตุนวัสดุก่อสร้างเพื่อหวังผลในการเก็งกำไรปัญหาด้านการบริหารวัสดุได้แก่
การจัดซื้อจัดส่งวัสดุเข้าสู่โครงการไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ทำให้เกิดการขาดแคลนวัสดุในโครงการ
ข) การใช้วัสดุสิ้นเปลืองเกินปกติในงานก่อสร้างที่ใช้วิธีการก่อสร้างแบบทั่วไปจะมีวัสดุที่
สูญเสียถึง 1 ใน 3 ของวัสดุทั้งหมด เช่น
เศษเหล็กเสริมคอนกรีตที่เหลือจากงานก่อสร้างสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเหล็กเส้นได้ใหม่นั้นแสดงว่าเศษเหล็กที่ได้จากวัสดุที่สูญเสียมีมากพอสมควรจะเห็นได้ว่าการใช้วัสดุให้เหลือเศษหรือวัสดุมีการแตกหักเสียมากส่งผลให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นและหากมีการสิ้นเปลืองเกินกว่างบประมาณที่วางไว้
อาจกระทบต่อโครงการทำให้งานหยุดชะงักเพราะไม่มีวัสดุเพียงพอในการทำงานหรืออาจต้องหาเงินทุนเพื่อซื้อวัสดุเพิ่มเติมในส่วนที่เสียหายความบกพร่องในการบริหารวัสดุสามารถตรวจด้วยบัญชีแสดงปริมาณวัสดุก่อสร้าง
หากพบว่ามีการใช้วัสดุก่อสร้างเกินกว่าปริมาณที่แสดงไว้ในบัญชีแสดงปริมาณวัสดุแสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือเป็นสัญญาณที่แสดงว่าโครงการกำลังอยู่ในภาวะขาดทุนได้
ค)
การบริหารงานของผู้รับเหมาย่อยไม่มีระบบโดยทั่วไปผู้รับเหมาย่อยหรือผู้รับเหมาช่วงจะเข้า
มารับทำงานในโครงการบางส่วนเช่นงานระบบไฟฟ้าระบบสุขาภิบาลงานสถาปัตยกรรมเป็นต้นซึ่งผู้รับเหมาช่วงส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา
หรือหากเป็นนิติบุคคลก็อาจมีการบริหารงานภายในองค์กรที่ยังไม่มีระบบที่ชัดเจนแน่นอนจึงง่ายต่อการเกิดปัญหาในการควบคุมงบประมาณด้านการเงินซึ่งจะส่งผลกระทบไปยังคนงาน
กล่าวคือ
คนงานอาจไม่ได้รับค่าแรงอย่างสม่ำเสมออาจมีการลาออกและรับคนใหม่เข้ามาทดแทนทำให้ต้องเรียนรู้งานตลอดเวลาส่งผลกระทบให้เกิดความล่าช้าแก่งานก่อสร้างได้
ง)
การขาดแคลนบุคลากรงานก่อสร้างสามารถแบ่งออกได้เป็น
4 ระดับ คือ
1.
การขาดแคลนคนงานเนื่องจากในประเทศไทยคนงานก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ใช่คนงานก่อสร้างโดยอาชีพจะใช้การทำงานก่อสร้างเป็นอาชีพเสริม
คือ เมื่อถึงฤดูกาลทำการเกษตรคนงานจะกลับไปทำการเกษตรถ้าโครงการก่อสร้างอยู่ในช่วงนั้นอาจทำให้มีผลกระทบต่อระยะเวลาแล้วเสร็จของโครงการ
2. การขาดแคลนวิศวกรและช่างเทคนิคทำให้อาจต้องมีการว่าจ้างวิศวกรจากต่างประเทศเข้ามาทำงานปัญหาที่พบ
คือ
การติดต่อสื่อสารระหว่างวิศวกรต่างชาติกับคนงานไม่เข้าใจกันทำให้เกิดความสับสนในการทำงานขึ้นได้
3.
เงินทุนเป็นสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจก่อสร้างเกิดปัญหามากที่สุด ตัวอย่างเช่น
ถ้าผู้รับเหมาไม่สามารถทำงานได้ตามแผนงานหรือไม่สามารถส่งงานได้ตามที่วางแผนไว้เงินงวดที่ได้รับก็อาจจะไม่พอเพียงที่จะหมุนเวียนเพื่อให้งานสามารถดำเนินได้ต่อไป
หรืออาจจะไม่ได้รับเงินงวดถัดไปก็จะมีปัญหาทำให้งานล่าช้าหรือหยุดชะงักลงได้ซึ่งส่งผลให้เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในที่สุดก็อาจมีการยกเลิกสัญญาทำให้มีผลกระทบต่อการแล้วเสร็จโครงการที่งานก่อสร้างจะต้องล่าช้าได้
4.
วิธีการก่อสร้างเทคนิควิธีที่นำมาใช้เพื่อทำการก่อสร้างนั้นมีมากมายหลายวิธีบางวิธีให้ผลดีต่อสภาวการณ์อย่างหนึ่งแต่วิธีการบางอย่างอาจไม่เหมาะสมกับอีกสภาวการณ์หนึ่งหรืออีกโครงการหนึ่งเจ้าของโครงการหรือตัวแทนเจ้าของโครงการจึงควรที่จะได้ทำการตกลงเรื่องวิธีการก่อสร้างที่สำคัญๆและเขียนไว้ในสัญญาด้วยเพื่อป้องกันปัญหาที่ผู้รับเหมาจะเลือกใช้วิธีการที่ตนเองเห็นว่าถูกที่สุด
และไม่ต้องลงทุนมากดังนั้นการเลือกวิธีการก่อสร้างที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดต่อโครงการอย่างมาก
2.4.2
ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากเจ้าของงาน
เจ้าของโครงการเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงสุดในโครงการก่อสร้าง
เนื่องจากเป็นผู้จ่ายเงินค่าตอบแทนหรือค่าจ้างในการดำเนินงานก่อสร้างและเป็นบุคคลที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้าง
ดังนั้น
ผลกระทบจากเจ้าของโครงการจะมีผลต่อระยะเวลาของโครงการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากเจ้าของงานที่ส่งผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ก)
การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์หรือรายละเอียดของโครงการมักจะพบเสมอๆ
ทุกช่วงของโครงการตั้งแต่เริ่มโครงการจนกระทั่งโครงการเสร็จสิ้นถ้าการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของโครงการในช่วงเริ่มโครงการ
เช่น ในช่วงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการหรือช่วงออกแบบความเสียหายจะเกิดขึ้นไม่มากนักแต่หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในขณะก่อสร้างความเสียหายก็จะเริ่มมากยิ่งขึ้นเช่นยกเลิกเสาเข็มที่ทำไปแล้วบ้างส่วนนี้จะทำให้ต้องเสียเวลาแก้ไขแบบรายละเอียด
เป็นต้น การป้องกันมิให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากแต่สำหรับการเปลี่ยนแปลงแบบรายละเอียดโครงการนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อาจหาทางป้องกันมิให้เกิดขึ้นได้
เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงชนิดนี้มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงความต้องการในลักษณะหรือรูปร่างของเจ้าของหรือผู้ใช้อาคารเป็นส่วนใหญ่
ข)
การทำงานของผู้รับเหมาในการก่อสร้างขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความชำนาญ เฉพาะด้านเข้ามาทางานผู้ว่าจ้างอาจต้องมีการจ้างผู้รับเหมาหลักและผู้รับเหมาช่วงเข้ามาดำเนินงานการประสานงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
อาจทำให้เกิดความสับสนและมีผลต่อระยะเวลาก่อสร้าง ซึ่งจะนำไปสู่ความล่าช้าได้เพื่อให้ทุกส่วนดำเนินไปได้ด้วยดีจึงจำ
เป็นต้องมีการประสานงานที่ดีอาจต้องมีการแต่งตั้งผู้ประสานงานเข้ามาดำเนินการในส่วนนี้เช่นผู้บริหารงานก่อสร้างหรือตัวแทนเจ้าของโครงการ
เป็นต้น
ค)
ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนทางด้านการเงินกล่าวคือ ในโครงการก่อสร้างการวางแผนทางการเงินเกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายต้องเป็นไปอย่างรัดกุมและรอบคอบเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจแต่หากผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้างวางแผนการใช้เงินผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผนที่วางแผนไว้ก็จะทำให้ขาดสภาพคล่องทางด้านเงินหมุนเวียนในการดำเนินการก่อสร้าง
และหากผู้ว่าจ้างมีความมั่นคงทางการเงินสูงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาทางด้านการเงินก็จะตกไปอยู่ที่องค์กรของผู้รับจ้างเช่นทำงานไม่ได้ผลตามแผนการใช้เงินของโครงการทำให้ได้รับเงินน้อยกว่าแผนงานที่วางไว้แต่ถ้าหากผู้ว่าจ้างมีสภาพคล่องตัวทางการเงินไม่ดีนักก็จะทำให้มีปัญหาทางด้านการเงินซึ่งก็ตกอยู่ที่ผู้รับจ้างอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้รับจ้างอ้างหยุดงานได้
เพราะต้องรอการชำระเงินงวดงานที่ผ่านมาเสียก่อน หรือขาดแคลนวัสดุก่อสร้างได้เนื่องจากยังไม่ได้ชำระเงิน
เป็นต้น
2.4.3
ความล่าช้าที่มีสาเหตุมาจากผู้ออกแบบและผู้ควบคุมงาน
ปัจจุบันมักเรียกผู้ควบคุมงานในโครงการก่อสร้างว่าวิศวกรที่ปรึกษา
(Consultant) นั้นอาจจะมีความคลาดเคลื่อนหรือแตกต่างตามขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบทั้งนี้มีคำหลายคำที่ใช้อยู่ในโครงการก่อสร้าง
ได้แก่ ผู้ควบคุมงาน (Inspector) วิศวกรที่ปรึกษา (Consultant)
และผู้บริหารงานก่อสร้าง (Construction Management) ซึ่งหน้าที่ของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไปโดยสาเหตุที่เป็นปัญหาที่เกิดจากกลุ่มองค์กรนี้
ได้แก่
ก)
ขอบเขตของงานไม่ชัดเจนผู้ควบคุมงานนั้นอาจมีหน้าที่หรือขอบเขตของงานแตกต่างกันไปหลายอย่าง
เช่น
ทำหน้าที่เฉพาะควบคุมงานหรือทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานก่อสร้างซึ่งขอบเขตของงานในการควบคุมงานควรทำความตกลงกับเจ้าของโครงการซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรบ้าง
เพราะหากว่าจ้างกันเพียงทำหน้าที่เพียงควบคุมงานเพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบรายละเอียดที่ปรากฏตามสัญญาเท่านั้นคงไม่มีปัญหาเพราะขอบเขตมีเพียงอย่างเดียวและชัดเจนแต่หากว่าทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานก่อสร้างควรตกลงขอบเขตกันให้ชัดเจน
เช่น เจ้าของโครงการจะซื้อวัสดุก่อสร้างเองและจะจ้างเฉพาะค่าแรงหรือไม่หากเจ้าของซื้อวัสดุเองผู้บริหารงานก่อสร้างจะทำหน้าที่อะไรบ้างในการบริหารวัสดุเหล่านี้
เช่น
คำนวณปริมาณเพื่อการสั่งซื้อเป็นต้นจะเห็นได้ว่าในโครงการก่อสร้างจะมีปัญหาหรือความซับซ้อนของงานมากและค่อนข้างยุ่งยากในการปฏิบัติงานซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนไม่เข้าใจกันได้ง่ายดังนั้นเพื่อให้โครงการประสบผลสำเร็จในทุกด้านควรเลือกผู้บริหารงานก่อสร้าง
(Construction Management) ที่มีประสบการณ์รวมถึงการกำหนดขอบเขตของการควบคุมโครงการก่อสร้างให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเพื่อที่จะทำให้โครงการนั้นมีปัญหาน้อยลงและสามารถสำเร็จลุล่วงในเวลาที่กำหนดได้
ข)
ระเบียบวิธีปฏิบัติสับสนไม่รัดกุมความขัดแย้งในโครงการก่อสร้างนั้นจะเป็นความขัดแย้งระหว่างผู้ควบคุมงานกับผู้รับเหมาก่อสร้างซึ่งจะเป็นผลเสียที่ทำให้เกิดความล่าช้าของงานก่อสร้างโดยเป็นผลมาจากวิธีปฏิบัติที่ไม่รัดกุม
เช่น
การตรวจรับรองการจ่ายเงินงวดซึ่งควรมีการตกลงกันให้ชัดเจนว่าวิธีการวัดปริมาณงานจะวัดอย่างไรกำหนดเวลาสำหรับการตรวจสอบปริมาณงานและการเซ็นรับรองการจ่ายเงินงวดใช้เวลาเท่าใดเป็นต้นดังนั้นจึงควรทำการตกลงกันตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเพราะหากวิธีการปฏิบัติการไม่รัดกุมจะทำให้เกิดการขัดแย้งกันอย่างรุนแรงหากผู้รับเหมาไม่ได้รับเงินในเวลาที่เหมาะสมเพราะสาเหตุดังกล่าวอาจเกิดความล่าช้าขึ้นได้
ค)
ผู้ควบคุมงานขาดประสบการณ์ผู้ควบคุมงานหรือผู้บริหารงานก่อสร้างควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญเป็นอย่างดีเพื่อที่จะได้มองเห็นภาพรวมของงานได้ครอบคลุมทุกๆด้านและวางแผนตัดสินใจเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างรัดกุม
ส่วนใหญ่บริษัทต่างๆ
มักมีปัญหาเรื่องเงินค่าจ้างที่จะจ้างบุคลากรมาควบคุมงานทำให้มีบุคลากรไม่เพียงพอต่อการควบคุมงานหรืออาจมีผู้ควบคุมงานที่มีประสบการณ์น้อยหรือยังไม่รู้รายละเอียดของงานในสาขาวิชาชีพอย่างชัดเจนทำให้วางแผนงานผิดพลาดประสานงานได้ไม่เต็มที่หรือไม่กล้าตัดสินใจด้วยเหตุดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความล่าช้าและส่งผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างได้เช่นกัน
ง)
การออกแบบที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนสาเหตุนี้มักจะเกิดขึ้นเสมอหากผู้ออกแบบได้รับข้อมูลมาอย่างผิดพลาดเช่นการวางผังอาคาร
โดยไม่มีการทำรังวัดที่ดินอาจก่อให้เกิดปัญหารุกล้ำ
อาคารข้างเคียงหรือรายงานผลการสำรวจชั้นดินกับสภาพหน้างานไม่ตรงกันอาจต้องทำการเจาะสำรวจชั้นดินใหม่รวมถึงอาจต้องแก้ไขงานเสาเข็มและฐานราก
เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการออกแบบที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอาจต้องมีการแก้ไขงาน
และเกิดการหยุดชะงักของงานก่อสร้างส่งผลกระทบต่อระยะเวลาก่อสร้างได้
จ)
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบซึ่งในปัจจุบันมักพบเสมอๆ
ว่าผู้ออกแบบจะทำการออกแบบคร่าวๆ ก่อนเพื่อที่จะได้ยื่นขออนุญาตจากทางราชการก่อนและเมื่อถึงเวลาที่จะเริ่มการก่อสร้างจริงจะทำการแก้ไขปรับปรุง
และเพิ่มเติมรายละเอียดอีกครั้งจากลักษณะดังกล่าว
อาจเกิดการขัดแย้งของแบบเพื่อการก่อสร้างได้ส่งผลกระทบทั้งเวลาและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ฉ)
ขาดความพิถีพิถันในส่วนของรายละเอียดจากการที่มีโครงการก่อสร้างอาคารเกิดขึ้นมากทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงการเหล่านั้นล้วนได้รับงานมาอย่างมากตามไปด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นก็
คือ บุคลากรขององค์กรต่างๆ
มีอยู่ไม่เพียงพอกับปริมาณงานที่รับไว้บางโครงการแบบที่ออกมาเพื่อก่อสร้างยังขาดส่วนของรายละเอียดอยู่มากเพราะเกิดจากการออกแบบที่เร่งรีบเกินไปหรืออาจเกิดจากการไม่มีประสบการณ์ในงานก่อสร้างของผู้ออกแบบเองทำให้นึกภาพรวมของขั้นตอนการดำเนินงานก่อสร้างได้ไม่ชัดเจนหรือมีความละเลยต่อรายละเอียดต่างๆ
เหล่านั้น และเมื่อรายละเอียดต่างๆ
ขาดหายไปงานบางอย่างที่ต่อเนื่องกับงานเหล่านั้นก็จะออกแบบผิดพลาดไปด้วย
และอาจเป็นสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างกันขึ้นได้
ช)
ออกแบบเผื่อหรือซ้ำซ้อนมากเกินความจำเป็น
(Redundant Design) ในการวางแผนงานก่อสร้างปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญคือต้องทราบปริมาณงานที่จะทำว่ามีมากน้อยเพียงใดหากปริมาณงานมีมากย่อมเป็นที่แน่นอนว่าระยะเวลาหรือการใช้ทรัพยากรก็มากตามไปด้วยเช่นกันดังนั้นหากผู้ออกแบบใช้
Parameter หรือวิธีการคิดคำนวณออกแบบที่เป็นวิทยาการสมัยใหม่ในการออกแบบแล้วอาจกล่าวได้ว่าจะสามารถใช้ปริมาณทรัพยากรในการก่อสร้างได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุดอย่างแน่นอน